วันพุธที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2553


ไม่มีคำว่าสาย......ในคำว่าเพื่อนกัน


มีเนื้อหามาฝากด้วยนะ

ห้วงเวลาแห่งการก่อกำเนิดชีวิต ตั้งแต่ปฏิสนธิ - เติบโตยังโลกภายใน - จนถึงเวลาลืมตาสู่โลกภายนอก ช่วงเวลาใดเล่าที่มนุษย์เราเริ่มมีความรู้สึกเปลี่ยนไปจากเนื้อแท้ดั่งเดิม ที่ธรรมชาติบรรจงสร้างไว้ให้ แปรเปลี่ยนและซึมซับเอาด้านมืดบอดมาเก็บซ่อนสั่งสมไว้ภายในจิตใจ

+++ มนุษย์มักจะทำร้ายกันและกัน ไม่ว่าจะรู้ตัวหรือไม่รู้ตัว ทั้งโดยทางตรงและทางอ้อม ตัวอย่างปัจจุบันมีให้เห็นอย่างดาษดื่น ทั้งในชีวิตจริงและเรื่องสมมุติเตือนใจ แต่จะมีผู้ใดตระหนักได้อย่างแท้จริงว่า...มนุษย์เราควรมอบสิ่งที่ดีต่อกัน มอบมิตรภาพ มอบความรัก ไม่ต้องมีขอบเขตหรือข้อจำกัดของชนชาติ ศาสนา เพศ อายุหรือวรรณะจอมปลอมที่สังคมสร้างขึ้น


ก้มหัวให้ต่ำลง..เพื่อจิตใจที่สูงขึ้น ประคับประคองกันและกัน...แม้จะถึงที่หมายช้ากว่า แต่มิตรภาพจะเบ่งบานกว่าทุ่งดอกไม้ใด ๆ บนโลกนี้ ปลดเปลื้องความกลัวภายในจิตใจ...น้อมรับและเชื้อเชิญอย่างเต็มใจดั่งมิตรสหาย และอีกหลากหลายวิธี ที่สามารถกระทำสิ่งที่ดีต่อกันได้

+++ ผู้คนส่วนมากนั้นเคยชินกันสิ่งที่เห็นได้ แต่ไม่เคยชินกับสิ่งที่มองไม่เห็น เคยชินกับสิ่งที่อาจสัมผัสแตะต้องได้ แต่ไม่เคยชินกับสิ่งที่ไร้สภาพที่ไม่อาจจับต้อง เคยชินกับการรับรู้ด้วยประสาทสัมผัส แต่ไม่คุ้นเคยกับการรับรู้ด้วยใจ เคยชินกับการมองด้วยตา...แต่ไม่รู้จักการมองเห็นด้วยใจ ด้วยตัวตน ด้วยจิตสำนึก ด้วยจินตนาการและด้วยความรักอันเต็มเปี่ยมภายใน

คนอารัย







เพื่อน  love


















ธรรมชาติรังสรรค์มนุษย์ขึ้นมาบนโลกใบนี้...โดยเนื้อแท้ของจิตใจมนุษย์นั้นช่างอ่อนโยน สะอาดบริสุทธิ์ เต็มไปด้วยความเบ่งบาน เต็มไปด้วยมิตรภาพและความงดงาม









วันอังคารที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2553

ในวันนี้........... ไม่มีใจ .........ใครคนนั้น







ไม่มีวัน............ ยืนยัน .........หันย้อนหา






แต่วันนี้............ เรามีเพื่อน.... เตือนกันมา






คอยเยียวยา...... รักษาใจ ......ให้ฟื้นคืน

เราคนกันเอง

วันเสาร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2553

วันศุกร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2553

เทคนิคเรียนเก่ง7ข้อ ข้อที่ 1 : พกปากกาสี 12 สี ติดตัว
ทฤษฎีสี กล่าวไว้ ว่า สีจะสามารถเพิ่มการจดจำเนื้อหาต่าง ๆ ได้มากกว่า สีน้ำเงินที่เขียนตามปกติ
จึงควรซื้อปากกาสีต่าง ๆ ติดตัวไว้ เวลาอ่านหนังสือก็ใช้ปากกาสีในการจดเนื้อหา ของ stabio ก็ดีนะ ทนหลายปีเลยแหล่ะ
* สำหรับคนที่กลัวว่าจะจดไม่ทันก็ใช้วิธีจดเฉพาะเนื้อหาสำคัญพร้อมกับบันทึกเสียงไปพร้อม ๆ กัน แค่นี้ก้อสามารถจดจำได้แล้วล่ะ

ข้อที 2 : ใช้สมุด note ที่ไม่มีเส้น
การใช้สมุดnote ที่มีลายเส้นนั้นเหมือนเราอยู่แต่ในกรอบเส้นนั้น แต่ถ้าใช้สมุดnote ที่ไม่มีเส้นนั้นจะ
ทำให้เราไม่มีกรอบในการเขียน เราอยากเขียนอะไรก็อยากเขียนได้ทั้งนั้น ปัจจุบันหาซื้อยาก ต้องลองหาแถว ร้านขายสมุดวาดรูปดูน่ะ

ข้อที่ 3 : บันทึกงานออกมาในรูป Mind Map Or Pic.
ถ้าเราอ่านหนังสือการ์ตูนตั้งแต่ 2 ปีที่แล้ว กับอ่านหนังสือ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เราจะสามารถจดจำ
การ์ตูนได้มากกว่า เวลาจดเนื้อหาบางอย่างอาจจะจดในรูปแบบ Pic. จะสามารถจดจำได้มากกว่า
การบันทึกงานในรูปแบบของ mind Map จะเป็นการแบ่งเรื่องหัวข้อใหญ่ต่าง ๆ เพื่อใช้ในการอ่าน อาจใช้ mind map เป็นรูปก็ได้

ข้อที่ 4 : Mp3
เราควรจะมี mp3 เพื่อใช้ในการบันทักเสียงเวลาที่คุณครูสอนแต่ไม่สามารถฟังและเก็บเกี่ยวเนื้อหาได้ครบทุกอย่าง
หากเราอัดไว้ก็จะสามารถย้อนกลับไปฟังได้ หลาย ๆ ครั้ง ก่อนสอบ

ข้อที่ 5 : เอาใจครู
เอาใจครูในที่นี้ไม่ได้หมายถึงเอาอกเอาใจครู หมายถึง ทำตัวตามสไตร์ที่คุณครูชอบ เพื่อเพิ่มความชอบของคุณครูในตนเองเวลาเราชอบครูคนไหนก็อยากเรียนกับครูคนนั้น อยากส่งงาน ครู อยากเจอหน้าครู ก็จะทำให้เรียนเก่งยิ่งขึ้นเพราะ เราอยากเรียนวิชานั้น ๆ

ข้อที่ 6 : พูดคุยกับปากกา
ก่อนสอบ หรือก่อนเขียนงานเราควรพูดคุยกับปากกาบ้าง
คุณหนูดี กับ ด็อกเตอร์ อะไรเนี่ยแหล่ะจำชื่อไม่ได้ ก็ใช้วิธีนี้จนเรียนจบปริญญา

ข้อที่ 7 : นั่งหน้าห้อง
นั่งหน้าห้องจะสามารถทำให้เราได้ยินมากกว่าคนที่นั่งข้างหลังเรา เห็นชัดกว่าคนข้างหลังเรา
และสามารถถามครูได้มากกว่า ซึ่งมันเป็นที่แน่นอนอยู่แล้ว



เทคนิคเรียนเก่ง7ข้อ


ข้อที่ 1 : พกปากกาสี 12 สี ติดตัว






ทฤษฎีสี กล่าวไว้ ว่า สีจะสามารถเพิ่มการจดจำเนื้อหาต่าง ๆ ได้มากกว่า สีน้ำเงินที่เขียนตามปกติ






จึงควรซื้อปากกาสีต่าง ๆ ติดตัวไว้ เวลาอ่านหนังสือก็ใช้ปากกาสีในการจดเนื้อหา ของ stabio ก็ดีนะ ทนหลายปีเลยแหล่ะ






* สำหรับคนที่กลัวว่าจะจดไม่ทันก็ใช้วิธีจดเฉพาะเนื้อหาสำคัญพร้อมกับบันทึกเสียงไปพร้อม ๆ กัน แค่นี้ก้อสามารถจดจำได้แล้วล่ะ










ข้อที 2 : ใช้สมุด note ที่ไม่มีเส้น






การใช้สมุดnote ที่มีลายเส้นนั้นเหมือนเราอยู่แต่ในกรอบเส้นนั้น แต่ถ้าใช้สมุดnote ที่ไม่มีเส้นนั้นจะ






ทำให้เราไม่มีกรอบในการเขียน เราอยากเขียนอะไรก็อยากเขียนได้ทั้งนั้น ปัจจุบันหาซื้อยาก ต้องลองหาแถว ร้านขายสมุดวาดรูปดูน่ะ






ข้อที่ 3 : บันทึกงานออกมาในรูป Mind Map Or Pic.






ถ้าเราอ่านหนังสือการ์ตูนตั้งแต่ 2 ปีที่แล้ว กับอ่านหนังสือ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เราจะสามารถจดจำ






การ์ตูนได้มากกว่า เวลาจดเนื้อหาบางอย่างอาจจะจดในรูปแบบ Pic. จะสามารถจดจำได้มากกว่า






การบันทึกงานในรูปแบบของ mind Map จะเป็นการแบ่งเรื่องหัวข้อใหญ่ต่าง ๆ เพื่อใช้ในการอ่าน อาจใช้ mind map เป็นรูปก็ได้






ข้อที่ 4 : Mp3






เราควรจะมี mp3 เพื่อใช้ในการบันทักเสียงเวลาที่คุณครูสอนแต่ไม่สามารถฟังและเก็บเกี่ยวเนื้อหาได้ครบทุกอย่าง






หากเราอัดไว้ก็จะสามารถย้อนกลับไปฟังได้ หลาย ๆ ครั้ง ก่อนสอบ






ข้อที่ 5 : เอาใจครู






เอาใจครูในที่นี้ไม่ได้หมายถึงเอาอกเอาใจครู หมายถึง ทำตัวตามสไตร์ที่คุณครูชอบ เพื่อเพิ่มความชอบของคุณครูในตนเอง






เวลาเราชอบครูคนไหนก็อยากเรียนกับครูคนนั้น อยากส่งงาน ครู อยากเจอหน้าครู ก็จะทำให้เรียนเก่งยิ่งขึ้น






เพราะ เราอยากเรียนวิชานั้น ๆ






ข้อที่ 6 : พูดคุยกับปากกา






ก่อนสอบ หรือก่อนเขียนงานเราควรพูดคุยกับปากกาบ้าง






คุณหนูดี กับ ด็อกเตอร์ อะไรเนี่ยแหล่ะจำชื่อไม่ได้ ก็ใช้วิธีนี้จนเรียนจบปริญญา






ข้อที่ 7 : นั่งหน้าห้อง






นั่งหน้าห้องจะสามารถทำให้เราได้ยินมากกว่าคนที่นั่งข้างหลังเรา เห็นชัดกว่าคนข้างหลังเรา






และสามารถถามครูได้มากกว่า ซึ่งมันเป็นที่แน่นอนอยู่แล้ว